10ก.พ.64-นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (รมว.อว.) แถลงผลการดำเนินงานและทิศทางการขับเคลื่อนงานวิจัยและนวัตกรรม “พลังของข้อมูลระดับพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างสร้างสรรค์” ว่า อว. ได้จัดทำ “แผนงานการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาคนจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำ” ขึ้น เพื่อสร้างแพลตฟอร์มการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำ (Personalize poverty alleviation: PPA) โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบและกลไกการแก้ไขปัญหาความยากจนด้วยการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน และเพื่อให้มีการใช้ความรู้และเทคโนโลยีจากงานวิจัยและนวัตกรรมของ อว. มาแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างตรงกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่นำร่อง 10 จังหวัด ได้แก่ ปัตตานี อำนาจเจริญ แม่ฮ่องสอน ชัยนาท สุรินทร์ ยโสธร ศรีสะเกษ สกลนคร มุกดาหาร และกาฬสินธุ์ ซึ่งเป็น 10 จังหวัดที่มีรายได้ครัวเรือนต่ำสุด
โดย อว.มีแนวทางสำคัญ 3 ประการในการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จ ร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) คือ 1.สำรวจ สอบทาน ชี้เป้าคนจนให้ครอบคลุมทุกครัวเรือน 2.พัฒนากระบวนการมีส่วนร่วม เป็น แพลตฟอร์มปฏิบัติการแก้จน เป็นกลไกและภาคีร่วมของภาครัฐ สถาบันวิชาการ ชุมชน ประชาสังคม และภาคธุรกิจ และ 3.นำความรู้งานวิจัย ผสานกับความรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น พัฒนาตัวแบบปฏิบัติการแก้จนให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเมื่อทำการสำรวจแบบปูพรม งานวิจัยเชิงพื้นที่สามารถชี้เป้าคนจน และส่งต่อความช่วยเหลือหรือนำเอางานวิจัยและนวัตกรรมมาช่วยแก้ปัญหาคนจนอย่างตรงเป้าหมาย เพื่อช่วยเหลือคนจนให้สามารถกลับเข้าสู่ระบบความช่วยเหลือและส่งต่อให้ได้มากที่สุด สอดรับกับนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
“ผลการขับเคลื่อนแผนงานนี้ใน 10 จังหวัดนำร่อง ในระยะเวลา 8 เดือน จากการทำงานด้วยความร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษา ภาคประชาสังคม และหน่วยงานรัฐในพื้นที่ในการลงพื้นที่สำรวจ วิเคราะห์สภาพปัญหาเชิงลึกของความยากจน สร้างกลไกการเลือกกลุ่มเป้าหมายและตรวจสอบคนจน และทุนของคนจนในพื้นที่รายครัวเรือนและรายชุมชนพบว่าเพิ่มจาก 75,873 ครัวเรือน เป็น 89,710 ครัวเรือน แยกเป็นรายบุคคลจาก 131,040 คน เป็น 334,153 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564) และการสำรวจนี้ยังทำให้ทราบถึงต้นทุนที่จะนำมาพัฒนาตนเองของแต่ละบุคคล ซึ่งทำให้เราสามารถนำเครื่องมือที่ อว. มีไปพัฒนาคนได้อย่างตรงจุด ซึ่งนับเป็นความสำเร็จของกลไกความร่วมมือในพื้นที่ โดย อว.ได้ส่งต่อข้อมูลให้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาความยากจนระดับจังหวัดเพื่อการแก้ไขปัญหาแบบตรงเป้าและยั่งยืน” รมว.อว. กล่าว
ด้านนายกิตติ สัจจาวัฒนา ผู้อำนวยการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการพัฒนาระดับพื้นที่ (บพท.) กล่าวว่า ในปี 2564 อว. มีแผนการดำเนินงานขับเคลื่อนระบบความช่วยเหลือและติดตามให้คนจนสามารถหลุดพ้นปัญหาความยากจนอย่างเป็นรูปธรรม และจะขยายพื้นที่เป้าหมายจากเดิม 10 จังหวัด เป็น 20 จังหวัด โดยจังหวัดที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ บุรีรัมย์ นราธิวาส อุบลราชธานี ลำปาง พัทลุง นครราชสีมา ร้อยเอ็ด พิษณุโลก เลย และยะลา เพื่อให้เกิดการขยายผลและต่อยอดการขับเคลื่อนโครงการวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาคนจนอย่างเบ็ดเสร็จและแม่นยำ โดย บพท. จะมีการจัดเวทีแถลงผลการดำเนินงานแผนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำ ประจำปีงบประมาณ 2564 และพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาความยากจนแบบเบ็ดเสร็จและแม่นยำระดับกระทรวงและระดับหน่วยงาน ของ อว. กระทรวงมหาดไทย (มท.) และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์นี้