ภูมิภาค
สาวร้องขอความเป็นธรรม ถูกห้ามปิดค่างวดบ้านโครงการบ้านมั่งคงสุรินทร์ อ้างกลัวสหกรณ์ขาดสภาพคล่อง
วันพุธ ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2565, 20.11 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
วันที่ 24 สิงหาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องร้องขอความเป็นธรรม กรณีเรื่องของการกู้เงินสหกรณ์บ้านมั่นคงสุรินทร์ จำกัด เพื่อเช่าซื้อบ้านและที่ดินของโรงการบ้านมั่นคงสุรินทร์ ตั้งอยู่ที่ชุมชนทุ่งโพธิ์ เขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ อำเภอเมืองสุรินทร จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งบ้านในโครงการจำนวน 196 หลัง โดยผู้ร้องขอความเป็นธรรมคือนางสาวพิฌยาวัลย์ วัชรกุลอภิโชค เผยว่าตนซึ่งได้เช่า-ซื้อบ้านและที่ดินในโครงการฯเลขที่300/44 อาคาร c ซึ่งเป็นตึกแถว 2 ชั้น ขนาด 10 ตาราววา และได้ซื้อที่ดินด้านข้างติดกับบ้านเพิ่ม 9 ตาราวาง รวมเป็น 19 ตารางวา
แต่การเช่าซื้อกลับมีปัญหา ทั้งเรื่องที่ดิน และเรื่องของที่อยู่อาศัย โดยที่ดินนั้นได้ผ่อนเป็นงวดๆละ 1,320 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลา 15 ปี และบ้านผ่อนเดือนละ1,880 บาท รวมระยะเวลา 15 ปี ตามสัญญาเช่า-ซื้อ กับโครงการ โดยทำการผ่อนมาตั้งแต่ทำสัญญาเมื่อปี 2560 เป็นเวลา 5 ปีแล้ว และต่อมาตนได้หาเงินเก็บพอได้ที่จะปิดค่าที่ดินที่ผ่อนผันและบ้าน กลับไม่สามารถปิดได้ เรื่องของที่ดินก็จ่ายไปครบแล้ว ได้เอกสารเป็นใบเสร็จมาแล้ว กลับบอกว่าจะถอนคืนให้ และหาว่าจะทิ้งภาระหนี้ดอกเบี้ยให้กับสมาชิกที่เหลือแบกรับภาระเป็นเวลานับ 10 ปี ทำเอางงไปหมดทั้งที่ตนจ่ายเงินปิดค่างวดน่าจะเป็นผลดี แต่กลับถูกหาว่าทิ้งภาะหนี้ให้คนอื่น อีกทั้งในเรื่องของที่ดินส่วนเกิน เคยไปปรึกษาที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดไปแล้ว และได้มีเจ้าหน้าที่เข้าไกล่เกลี่ย และทางโครงการหมู่บ้านจะส่งเจ้าหน้าที่มาวัดเขตให้ เพื่อที่ตนจะได้ดำเนินการใช้ประโยชน์ในที่ดินของตน แต่จนถึงบัดนนี้ 5 ปีแล้ว ก็ไม่มีการออกมาวัดที่ให้ อ้างปิดบัญชีไม่ลงตัว และไม่สามารถทำประโยชน์ได้ และสัญญาเช่าซื้อที่ถือไว้กลับถูกบอกว่าเป็นของกรรมการชุดเดิมทำไว้ใช้ไม่ได้ ให้ไปยึดถือกฏระเบียบของสหกรณ์แทน ทำเอางงเป็นอย่างมาก เห็นว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมในเรื่องดังกล่าว จึงได้ออกมาร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมในเรื่องที่เกิดขึ้น
นางสาวพิฌยาวัลย์ วัชรกุลอภิโชค เผยอีกว่า ก่อนจะนำเงินไปปิดค่าที่ดินส่วนเกิน ตนก็ได้มีการสอบถามไปแล้วว่าสามารถปิดได้ไหม และได้รับคำตอบกลับมาว่าสามารถปิดได้ ทำให้ตนมีความหวัง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดินและเรื่องของบ้าน โดยครั้งแรกตนได้นำเงินเพื่อปิดงวดในเรื่องของที่ดิน ซึ่งตนได้มา 19 ตารางวา เนื่องจากมีที่ดินส่วนเกินมาจากที่กำหนดเพียง 10 ตารางวา โดยกำหนดจ่ายเดือนละไม่ต่ำกว่า 1,320 บาท จำนวน 180 งวด รวมระยะเวลา 15 ปี โดยตนได้นำเงินส่วนที่เหลือจากที่ผ่อนมาไปจ่ายที่สหกรณ์ จนครบทั้งหมดจำนวน 1แสน 2 หมื่นกว่าบาท และได้เอกสารเป็นบิลใบเสร็จรับเงินออกมา ซึ่งในวันที่ไปปิดงวดที่ดิน เจ้าหน้าที่ของสหกรณ์ยังได้แนะนำตนให้มาปิดค่างวดของบ้านอีกด้วย เนื่องจากจะได้นำเงินของเดือนต่อไปไปทำธุระกิจ จากที่ปิดค่างวดของที่ดินไปเพียงเดือนกว่าเท่านั้น ตนก็ได้นำเงินก้อนหนึ่งเพื่อไปปิดค่างวดของบ้านส่วนที่เหลือจำนวน 180,000 บาท ตนนับเงินไปได้เกินครึ่งแล้ว แต่ก็มีการทักทวงขึ้นมาว่าไม่สามารถให้ปิดได้ เป็นหนังคนละม้วนเลย โดยบอกว่าประธานกับคณะกรรมการโครงการฯได้ประชุมกันแล้ว ไม่สามารถให้ปิดได้ และจะถอนเงินที่ปิดเรื่องของที่ดินมาคืนตนอีกด้วย ซึ่งให้เหตุผลว่า กลัวสหกรณ์ขาดสภาพคล่อง เพราะว่า ทาง พอช.เขาคิดดอกเบี้ย 4 เปอร์เซ็น โดยสหกรณ์จะได้ 2 เปอร์เซ็น เพื่อนำมาบริหารจัดการ งั้นก็แสดงว่าสหกรณ์คุณมีระยะเวลาแค่15 ปีหรือ หากครบ 15 ปี เขาจ่ายหนี้หมดสหกรณ์ก็ไปต่อไม่ได้อยู่ดี ในสัญญาซื้อขายบอกไว้ทำไมว่าสามารถปิดก่อนได้
และบอกว่าสัญญาดังกล่าวที่ตนถือเป็นของประธานคนเก่า ไม่ใช่ของประธานชุดใหม่ ทำให้ตนงงไปหมด 2 ปี เปลี่ยนประธานโครงการใหม่ จะต้องมีการเปลี่ยนสัญญาทุก 2 ปี เลยหรือ ในเมื่อตนซื้อบ้านจากสัญญาเดิมก็ต้องใช้สัญญาเดิม แต่อยู่ดีๆก็ให้ไปถือกฎของสหกรณ์ ซึ่งอยากเปลี่ยนแปลงกฎอะไรก็ได้หรือ ทั้งๆ ที่ตนถือสัญญาแต่บอกว่าห้ามยึดตามสัญญานี้ แต่ให้เอาตามกฎระเบียบของสหกรณ์ ซึ่งมีประธานและคณะกรรมการเพียง 14 คน เท่านั้น แล้วก็มีมติมาห้ามทุกอย่าง เช่นห้ามทำรั้ว ห้ามใช้ที่ดินส่วนเกิน รวมทั้งห้ามตกแต่งบ้าน ทั้งที่เขาซื้อมาแล้ว เคยไปปรึกษาศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์มาแล้วเมื่อปลายปี 62 เรื่องจะใช้ที่ดินส่วนเกินที่อยู่ข้างจำนวน 9 ตารางวา ซึ่งทางศูนย์ดำรงธรรมก็บอกว่าสัญญาซื้อขายมันจบตั้งแต่ตนได้ทำสัญญาซื้อแล้ว ซึ่งทุกคนสามารถมีสิทธิ์ทำประโยชน์ในที่ดินของเขาได้ แต่ทางคณะกรรมการบอกว่าไม่ และยังบอกตนอีกว่า ใช้สมองคิดบ้าง คนมาซื้อบ้านภายใต้สหกรณ์ไม่ได้มาซื้อเดี่ยว จะต้องฟังทางสหกรณ์เท่านั้น ซึ่งจุดนี้เองทำให้ตนไม่มั่นใจในความปลอดภัย จึงต้องหาเงินมาปิดชำระให้หมดไปโดยเร็ว เพื่อว่ามันเป็นของตนแล้ว ถ้าไม่เช่นนั้นจู่ๆ มีการประกาศมาจะซื้อบ้านคืน ขอซื้อที่ดินคืน จะเอาเงินคืนให้ พูดเหมือนสามารถขับไล่เราได้ทุกเมื่อถ้ามีมติอะไรออกมา ตนรู้สึกว่าไม่มีความมั่นคงในจุดนั้นเลย ในขณะที่ประธานโครงการหมู่บ้าน ไปเจอมาแล้วก็รู้สึกเสียใจ ก็โดนว่าอย่าเห็นแก่ตัว คิดถึงแต่ตนเองไม่ได้นะ ต้องคิดถึงสหกรณ์ หากสหกรณ์ขาดสภาพคล่องจะทำอย่างไร เธอคนเดียวปิดหนี้ค่าบ้านค่าดิน จะทำให้สหกรณ์ศูนย์เสียรายได้ที่จะมาบริหาร แล้วทุกคนที่เหลือต้องมาแบกภาระหนี้ของเธอไปอีกสิบปีที่เหลือ เป็นงงมากตนนำเงินไปปิดต้นน่าจะดีต่อส่วนรวมด้วย เพราะว่าต้นก้อนใหญ่ลดทุกคนก็จะได้ลดดอกเบี้ยลงไปด้วย แต่กลับกลายเป็นว่าทุกคนจะต้องแบกภาระหนี้ดอกเบี้ยของตน แล้วก็มาทำประชาคมในหมู่บ้านก็มีการให้ข้อมูลในลักษณะนี้ ทุกคนก็เลยกลายเป็นว่าไม่ยอมให้ตนปิด
จากนั้นนางสาวพิฌยาวัลย์ ได้นำไปดูจุดที่ดินที่พบว่ามีปัญหาซึ่งติดอยู่ข้างบ้าน จำนวน 9 ตารางวา ซึ่งเมื่อปี 62 ได้ทำโครงสร้างเป็นเหล็กต่อเติมเพื่อทำเป็นที่นอน โดยทำตามกฎระเบียบของโครงการ คือไม่มีการเทคาน หรือฝังเกาะยึด เป็นแบบน็อคดาว กำลังจะสร้างเป็นรูปเป็นร่างก็ถูกแจ้งให้ระงับการดำเนินการ หมดเงินไปแสนกว่าบาทแต่กลับไม่ได้ใช้ประโยชน์จนตนได้ไปยื่นขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดสุรินทร์ และมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่มาไกล่เกลี่ย ซึ่งทางโครงการก็บอกว่าจะออกมาวัดเขตให้ แต่จนถึงขณะนี้ทิ้งไว้เกือบ 5 ปี แล้ว สนิมกินเหล็กไปหมดแล้ว ก็ยังไม่มาวัดให้เลย อ้างแต่ยังปิดบัญชีไม่ลง
ตนถือสัญญาทั้งที่ดินและบ้านอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว อยากได้ความยุติธรรมและได้ใช้ประโยชน์จากที่ดิน และจะได้ปลดภาระหนี้สินของตนสักที วอนฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กำกับดูในเรื่องนี้มาช่วยให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่