เวลาเปลี่ยน…สถานการณ์เปลี่ยน… ความคิดเปลี่ยน พื้นที่ในประเทศไทยหลายแห่งเปลี่ยน จาก “สนามรบ” เป็น “แหล่งท่องเที่ยว”
ผู้เขียนขอ…ขอถ่ายทอดประสบการณ์ บางช่วง บางตอนในชีวิตให้ลูกหลานรุ่นหลังได้รับทราบ…เล่าขานต่อกันไป
ภาพเก่า…เล่าตำนาน ขอเปิดเผยเหตุการณ์ต้นธันวาคม 2522 ณ บริเวณ “ถ้ำน้ำ” เขาตาง็อก ต.คลองไก่เถื่อน อ.คลองหาด จ.สระแก้ว
ปัจจุบัน ถ้ำน้ำเขาตาง็อก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียง
เล่าความ…ย้อนอดีตไป… 2 ธันวาคม พ.ศ.2518 กรุงพนมเปญถูกทหารเขมรแดงของ พอล พต บุกยึดได้เบ็ดเสร็จ โค่นนายพล ลอน นอล…
ผลงาน 2 ปีเศษของ พอล พต คือ ประชาชนกัมพูชาอดอยาก ทุกข์ทรมาน ระบบเศรษฐกิจพังพินาศ ทหารเขมรแดงกดขี่ปล้น ฆ่าประชาชน ซึ่งความจริงอันแสนโหดร้าย ปรากฏในภาพยนตร์ The Killing Field ที่ฉายไปทั่วโลก ชาวกัมพูชาตายไปราว 3 ล้านคน
ประชาชนกัมพูชานับแสนทะลักเข้าไทยตลอดแนวชายแดน…
ผู้นำเวียดนามที่เฝ้ามองสถานการณ์ ไม่พอใจสิ่งที่ พอล พต กระทำต่อประชาชนเขมรอย่างโหดร้าย (ภายใต้การสนับสนุนของจีน)
วันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ.2521 ทหารเวียดนามราว 150,000 นาย รุกเข้าดินแดนกัมพูชา …เวียดนามบุกตะลุยฆ่าทหารเขมรแดง
8 มกราคม พ.ศ.2522 (ในเวลาเพียง 2 สัปดาห์) ทหารเวียดนามบุกยึดกรุงพนมเปญได้ บดขยี้ การกวาดล้างเขมรแดงจอมโหด
เวียดนามโค่นรัฐบาล พอล พต สำเร็จ ยึดและปกครองกัมพูชา จัดตั้งรัฐบาล …ทหารเขมรแดง + ประชาชนเขมร… หนีตายเข้าไทย
ชะตาชีวิตประเทศไทย ประดุจคนเดินไต่ลวดข้ามหน้าผา…
สถานการณ์เข้มข้น รุนแรงขึ้น… ผู้อพยพชาวเขมรนับแสนทะลักเข้ามาตลอดแนวชายแดน
ภัยคุกคามสำหรับไทย คือ กองทัพเวียดนาม ผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์บางส่วน และผู้อพยพนับแสนคนที่น่าสมเพช
วันนั้นประเทศไทย “โดดเดี่ยว-เดียวดาย”
30 มิถุนายน 2518 ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นายกรัฐมนตรี พล.ต.ชาติชาย ชุณหะวัณ รมว.กต. บินด่วนเดินทางไปพบผู้นำสูงสุดของจีน แล้วตามด้วยคณะนายทหารอีก 3 ท่านที่ตามไปขยายผลการพูดคุย (เป็นภารกิจลับ)
ถือเป็นภารกิจ ที่พลิกสถานการณ์ครั้งใหญ่อย่างหวุดหวิด…
หน่วยข่าวกรองรายงานตลอดเวลาว่า …เวียดนามมีกำลัง 25 กองพลพร้อมรบ กำลังตามขยี้เขมรแดงมา เมื่อเขมรแดงหนีตายเข้าไทย เวียดนามน่าจะรุกไล่ติดตาม (hot pursuit) เข้ามาในไทย
ผู้เขียนเป็นนักเรียนนายร้อยพูดคุยกับบิดา (พันเอก สนอง ทองเล็ก) ทราบว่า…กองทัพบกต้องเร่งรีบหากำลังพลมาบรรจุในหน่วยกำลังรบที่จะต้องไปป้องกันชายแดน เปิดรับสมัครนายทหาร นายสิบ จากทุกหน่วยที่มิใช่หน่วยกำลังรบ เช่น หน่วยการศึกษา มาบรรจุในหน่วยกำลังรบ
ทหารไทยนับหมื่นไปตรึงกำลังตามแนวชายแดนที่ร้อนระอุ
กองพันที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ จาก จ.ชลบุรี เป็นหน่วยทหารที่ได้รับคำสั่งให้เคลื่อนย้ายกำลังไปเข้าที่รวมพล ณ วัดคลองหาด ต.คลองหาด อ.วัฒนานคร
ผู้หมวดหนุ่ม 2 นาย ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษา พ้นรั้วโรงเรียนนายร้อยมาหมาดๆ คือ ว่าที่ร้อยตรี นิพัทธ์ ทองเล็ก และ ว่าที่ ร้อยตรี อุดมเดช สีตบุตร ถูกบรรจุลงในหน่วยนี้
เป็นนักเรียนนายร้อย 5 ปี เพิ่งเคยเห็นหน่วยทหารระดับกองพัน เคลื่อนย้ายหน่วย คน สัมภาระ อาวุธ กระสุน เสบียงอาหาร
ระบบการทำงาน ที่เรียกว่า รปจ. (ระเบียบปฏิบัติประจำ) ทำให้ทุกอย่างไม่สับสน นายทหาร นายสิบ ส่วนมากผ่านสนามรบมาแล้วโชกโชน …
5 พฤษภาคม 2522 ขบวนยานยนต์ของกองพัน ออกจากค่ายนวมินทราชินี ชลบุรี ไปเข้าที่รวมพล ณ วัดคลองหาด อ.วัฒนานคร จ.ปราจีนบุรี (ยังไม่ได้ตั้ง จ.สระแก้ว)
สำหรับ “ทหารบก” เมื่อนึกอะไรไม่ออก ให้เข้าไปตั้งหลักใน “พื้นที่วัด” ซึ่งจะมีน้ำ มีร่มไม้ชายคา อาคาร มีหม้อข้าว มีช้อน มีกระทะ ของวัดให้ยืม
ทหารทั้งกองพัน เข้าที่รวมพลพื้นที่บริเวณวัดคลองหาด
อีก 2 วันต่อมา หน่วยระดับกองร้อยแยกกระจายออกไปวางกำลังภารกิจ คือ ป้องกันประเทศจากกองทัพเวียดนาม ที่กำลังห้าวหาญ
หมวดปืนเล็กที่ 2 ของผู้เขียน ถูกส่งไปวางกำลังบริเวณบ้านเขาเลื่อม อ.คลองหาด… สิ่งที่ต้องค้นหาให้เจอ คือ แหล่งน้ำ เพราะจะต้องอยู่เป็นปี
มีบ้านราว 20 หลัง ที่เกาะกันอยู่ตามแนวลำธาร ใกล้เคียงกับพื้นที่ตามคำสั่งยุทธการ จึงเลือกพื้นที่เนินตั้งฐานปฏิบัติการระดับหมวด
พลทหารในเวลานั้นถูกเกณฑ์ มาจาก 2 แหล่ง คือ พลทหารจากสุรินทร์ และพลทหารจากรุงเทพฯ …เร่งรีบสร้างที่พัก สร้างแนวป้องกัน บังเกอร์ หันหน้าไปทางตะวันออกที่คาดว่าข้าศึกน่าจะเข้ามา…
พลั่วสนามของอเมริกัน คือ เครื่องมือหลักของทหารราบ พลั่ว มีด ขวาน เริ่มทำงาน เด็กหนุ่มจาก จ.สุรินทร์ ที่พื้นฐานเป็นเกษตรกร ขุดหลุม ขุดคูติดต่อได้เร็ว ขุดลึก ขุดหลุมรวดเร็วไม่แพ้รถแบ๊กโฮ
ผู้หมวดยศร้อยตรี คือ ผู้นำสูงสุด ที่ต้องรับผิดชอบ ทำภารกิจการปกป้องแผ่นดินไทยตรงนั้น และรับผิดชอบ 50 ชีวิต มีเพียงวิทยุสื่อสารที่ต้องติดต่อกับหน่วยเหนือได้…หมวดทหารราบไม่มีรถแม้แต่คันเดียว…
ชาวบ้าน “เขาเลื่อม” ที่พูดคุยด้วย แจ้งกับเราว่า ทหารเขมรแดงมักจะแอบเข้ามาทางช่องเขา ปล้น ฆ่า ชิงทรัพย์ ขโมยอาหาร จากชาวบ้าน…
หมวดปืนเล็ก ณ บ้านเขาเลื่อมได้รับมอบภารกิจสกัดกั้นทหารเขมรแดง (กลุ่มเล็กๆ) ติดอาวุธที่ลักลอบเข้ามาปล้น ฆ่า ราษฎรไทย และเป็น “หน่วยตั้งรับ” หากมีกำลังทหารเวียดนามรุกเข้าสู่อาณาเขตไทย
ทหารเราล้อกันเล่นว่า ตรงไหนไม่มีต้นไม้… ตรงนั้นคือดินแดนไทย…ตรงไหนเป็นป่าเขียว ตรงนั้น คือ ดินแดนเขมร
ไม่มีอะไรน่ากลัวเท่า “โคตรฝน” ที่เปียกแฉะ ชื้น พื้นดินในฐาน คือ ดินเหนียว โคลนที่ติดรองเท้าเหมือนโคลนดูด ที่น่ากลัวที่สุด คือ งูพิษ ตะขาบ แมงป่อง …แสงสว่างใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าด ใช้น้ำจากลำธาร
พลทหารจากสุรินทร์ชอบมองไปในป่ารอบฐาน…สะพายปืนเดินไปแป๊บเดียว …ได้ผักนานาชนิดติดมือมากินกับน้ำพริกอย่างเอร็ดอร่อยเสมอ
พลทหารจากกรุงเทพฯ ทำหน้าที่ติดตั้งวิทยุสื่อสาร รับข่าว ส่งข่าว
ผ้ากันฝนของหลวง และผ้าพลาสติกที่ได้รับบริจาคมา คือ สิ่งที่มีพระคุณต่อชีวิต พลทหาร คือ ขุมกำลังในการสร้างที่พัก กระสุน ระเบิด ต้องไม่เปียก ทหารไปตระเวนหาตัดต้นไม้เพื่อนำมาสร้างที่มั่นตั้งรับตามตำรา
ระหว่างการสร้างฐาน… ต้องจัดกำลังติดอาวุธออกไปข้างหน้าเพื่อ ตรวจการณ์ เฝ้าระวัง นี่คือพื้นที่การรบ ไม่ใช่ค่ายลูกเสือ
เมื่อตั้งหลักได้ จัดกำลังออกลาดตระเวน เพื่อความคุ้นเคยภูมิประเทศเพื่อดู “…ที่สูงต่ำ ทางน้ำไหล พืชพรรณไม้ สิ่งปลูกสร้าง…”
วันหนึ่ง… ผู้หมวดจัดกำลังไปซุ่มโจมตีตรงซอกเขาที่ห่างออกไปราว 4 กิโลเมตร ที่ทหารเขมรแดงน่าจะใช้เป็นช่องทางเข้ามาปล้น ฆ่า คนไทย
ยุทธวิธีที่เหมาะที่สุด คือ การซุ่มโจมตี …กำลัง 12 นายขึ้นไปวางกำลังซุ่มโจมตีในซอกเขา วางกำลังแบบตัว L ที่ฝึกกันมา ทหารไทยคึกคัก เข้าจุดซุ่ม ซ่อนตัวหลังโขดหิน มีที่กำบัง ซ่อนพราง และวางระเบิดเคลย์โม เรียบร้อย …ปิดเสียงวิทยุสนาม (Mute) ที่มักจะส่งเสียง
ฝึกมาดี…ทหารขวัญดี วินัยเยี่ยม ฮึกเหิม…ไม่ต้องพูดมาก
ซอกเขาตรงนี้ …เป็นพื้นที่บังคับ เป็นเส้นทางแคบๆ ผสมร่องน้ำ
12 ชีวิต เงียบ ไม่พูด ห้ามขยับ ห้ามหลับ ประทับเล็งปืน ถ้าจะปัสสาวะต้องฉี่ใส่กางเกงไปเลย ห้ามลุก …ราว 3 ชั่วโมง เสียงทหารเขมรแดง 4 คนถือ AK 47 เข้า “เขตสังหาร” คาดว่าจะไปปล้นราษฎรไทย…
ผู้หมวดใหม่ใจเต้นระทึก ปลดห้ามไกปืน M16 … นี่คือ การซุ่มโจมตีครั้งแรกในชีวิต มันคือข้าศึกที่เราต้องสังหาร ทุกนิ้วแตะที่ไกปืน M16 เล็งปืนไปที่ข้าศึกทั้ง 4 …เคลย์โมพร้อมกดสังหารหมู่…
ทหารเขมรแดงทั้ง 4 กวาดสายตา ประทับปืนพร้อมยิง และยังหันปากกระบอกปืนไป-มา ชี้ไปยังซอกเขาที่ทหารไทยซุ่มอยู่ แต่มองไม่เห็นเรา…
ผู้หมวด… หันไปมองทหาร 3 นาย… ทหารทั้ง 3 ก็หันมาสบตากับผู้หมวด …เสมือนจะถามว่า…ผู้หมวดจะลั่นไกมั้ย… เพราะผู้หมวดสั่งไว้ว่า ผู้หมวดจะลั่นกระสุนเป็นคนแรก
ไม่รู้อะไรมาดลใจ…วินาทีนั้น…ผู้เขียนนำมือขวาอกจากโกร่งไก…ยกมือขวาส่งสัญญาณบอกลูกน้อง ไม่ต้องยิง แล้วกระซิบบอกพลทหารคู่ใจให้ร้องตะโกนว่า “หยุด วางปืนลง”… เป็นภาษาเขมร
เสียงตะโกนภาษาเขมรของพลทหารจากจังหวัดสุรินทร์ดังก้องซอกเขาและได้ผล …ทหารเขมรแดงทั้ง 4 หยุดกึก แล้ววางอาวุธลงกับพื้น
นายสิบคนที่อยู่ใกล้ข้าศึกที่สุด โผล่ออกมาจากที่ซุ่ม ปราดเข้าประชิดตัวทหารเขมรแดง… เอาเท้าเขี่ยปืนอาก้า ให้พ้นมือ พ้นตีน ปลดอาวุธ…
พลทหารทำหน้าที่เป็นล่าม สอบถามได้ความว่า…เป็นทหารเขมรแดง จะเข้ามาหาอาหาร รู้ดีว่า…นี่เป็นเขตไทย …เรายึดอาวุธปืน 4 กระบอกและกระสุน รวมทั้งเครื่องสนามของทหารเขมรแดง (ซึ่งเป็นอุปกรณ์ค่อนข้างใหม่ที่สหรัฐเคยส่งมาช่วยรัฐบาล นายพล ลอน นอล)
ผู้หมวดบอกกับเชลยทั้ง 4 ว่า จะฆ่าทิ้ง ทหารเขมรแดงออกอาการสั่นกลัว เราพูดคุยกันผ่านล่าม ถามที่ตั้ง สังกัด สถานการณ์ในฝั่งเขมร
…“ครั้งนี้จะไว้ชีวิต กลับไปบอกนายของแก …ห้ามทหารเขมรแดงเข้ามาในเขตไทยเด็ดขาด…” …แล้วรายงานทางวิทยุให้หน่วยเหนือทราบ…
ตั้งแต่วันนั้นมา… ออกลาดตระเวนทุกวัน ไม่ซ้ำเวลา จัดชุดซุ่มตอนค่ำมืด… สอบถามชาวบ้านเขาเลื่อม…ไม่มีทหารเขมรแดงเข้ามาปล้น ฆ่าอีก…
ช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน 2522 สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก …ประชาชนเขมร ผู้หญิง เด็ก นับพันคนใส่เสื้อผ้าสีดำ สภาพเจ็บป่วย หอบลูกจูงหลาน ทะลักผ่านช่องเขาตรงนั้น …ทุกคนเหมือนซากศพเดินได้
… ผู้หมวดได้รับคำสั่งให้ “ผลักดัน” ออกไป…ทหารไทยยิงปืนขึ้นฟ้า…เข้าไปประชิดตัวชาวเขมรที่เหม็นสุดสุด ชาวกัมพูชาปรี่เข้ามาหาทหาร จับปากกระบอกปืนของทหารไทยหันเข้าที่ศีรษะของพวกเขา…หมายถึง ยอมตาย ช่วงสายวันนั้น…ยันค่ำ พื้นที่บ้านคลองไก่เถื่อน เขมรผู้น่าสงสารนับพันคน ทะลักเข้ามาในเขตไทย ซุกตัวนอนใต้ต้นไม้ นอนเกลื่อนพื้นที่…
ชาวเขมรผู้น่าเวทนาขับถ่ายเรี่ยราดออกมาบนพื้น บนลานกว้าง ส่งกลิ่นเหม็น บ้างก็สิ้นใจตาย ทหารมาแจ้งว่า…มีผู้หญิงกำลังจะคลอดลูก…
ผู้หมวดงง เงอะงะ ทำอะไรไม่ถูก สั่งให้ทหารไปก่อไฟต้มน้ำร้อนด่วน ทหารถามผู้หมวดว่า ต้มน้ำทำไมครับ ? … “ก็ผู้หมวดเห็นมาจากในหนังโว้ย… เวลาคนจะคลอดลูก หมอตำแยเค้าจะให้ต้มน้ำ… กูไม่รู้เหมือนกันว่า เอาไปทำอะไร” ผู้หมวดตอบ
ช่วงเย็น ขบวนรถบรรทุกของหน่วยงาน องค์กรการกุศลของต่างประเทศ มาจากไหนก็ไม่ทราบ บรรทุกสิ่งของ ผ้าห่ม อาหาร น้ำเกลือ ผ้าเต็นท์สีฟ้า มาทิ้งไว้ให้แบบท่วมท้น พอเพียงสำหรับผู้หนีภัยนับพันคน …ชาวเขมรป่วยหนัก อุจจาระร่วง มาลาเรีย ทหารไทยช่วยชีวิตไว้ได้มาก
อีกราว 3 วัน… มีขบวนรถ บขส. สีส้ม มารับตัวชาวเขมรนับพันคน ย้ายจากบ้านคลองไก่เถื่อนไปเข้าค่ายที่เขาอีด่าง ต.ตาพระยา
ซากศพหลายสิบคนที่นอนตายแมลงวันตอม…ผู้หมวดไปขอร้องให้นำรถแทรกเตอร์ มาขุดหลุมขนาดใหญ่… ทหารลากศพไปใส่ในหลุมแล้วกลบ
ขอตัดฉากเข้าสู่เรื่องของ ถ้ำน้ำเขาตาง็อก…
3 ธันวาคม 2522 ช่วงสายๆ หมวดของผมที่ตั้งฐานที่บ้านเขาเลื่อม ได้รับคำสั่งด่วนทางวิทยุให้จัดกำลัง เตรียมไปตรวจค้นที่หมายบริเวณพิกัด XXXXXX …เมื่อนำแผนที่มากางดู พบว่าเป็นป่า บริเวณตีนเขาตาง็อก ห่างออกไปจากที่ตั้งราว 6 กม. (วัดทางตรง) ผู้หมวดสั่งการให้จัดกำลัง
เส้นทางที่บุกฝ่าไปเป็นโคลน เป็นป่าทึบ มองไปไกลๆ เห็นแท่งหินเหมือนนิ้วชี้โผล่ขึ้นยอดฟ้า (ดูภาพ) ของเขาตาง็อก
สักครู่ได้รับแจ้งทาง ว. ว่าจะมีกำลังของผู้หมวด อุดมเดช สีตบุตร มาสมทบ และจะมี ผบ. ร้อย ฝอ.3 และ ผบ.พัน คือ พ.ท. สุพจน์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ตามเข้ามาในพื้นที่
เมื่อพร้อมหน้า…กางแผนที่ …ภารกิจ คือ ให้กำลังของผู้หมวดนิพัทธ์และกำลังของผู้หมวดอุดมเดช รวม 2 หมวด เข้าเคลียร์พื้นที่ไปให้ถึงตีนเขา เพราะมีข่าวว่ามีกำลังของเขมรแดงอยู่ข้างใน …ไปพิสูจน์ทราบ
ร้อยตรี นิพัทธ์ ทองเล็ก และ ร้อยตรี อุดมเดช สีตบุตร ที่สำเร็จการศึกษามาพร้อมกัน สั่งกระจายกำลังแบบ 2 หมวดเคียงกัน เป็นแถวหน้ากระดานเดินป่าเข้าหาตีนเขาตาง็อก…
ผู้ตรวจการณ์หน้า (ผตน.) คือ ร้อยตรี ไพชยนต์ ค้าทันเจริญ เพื่อนรุ่นเดียวกันจาก ป.พัน. 21 รอ. เข้ามาอยู่ในรูปขบวน เพื่อทำหน้าที่ร้องขอการยิงจากปืนใหญ่หากเกิดการปะทะ
ปืนใหญ่ที่ตั้งห่างออกไปราว 5 กิโลเมตร ได้ยิงกระสุนควันดังสนั่นแตกเหนือที่หมาย นั่นคือการข่มขวัญ แสดงอำนาจกำลังรบที่เหนือกว่า
ที่คาดคิดไว้…ผิดหมด…ยิ่งเดินเข้าไปลึก ป่ายิ่งเบาบาง มองเห็นเพิงที่พักแบบถาวร …2 หมวดหยุดการเคลื่อนที่ ระวังกับระเบิดของเขมรแดง
เฮ้ย…นี่มันคือ ค่ายทหารขนาดใหญ่
เสียงทหารเขมรตะโกนออกมาเป็นภาษาไทย …อย่ายิง อย่ายิง
ฝ่ายเราตะโกนสวน…วางอาวุธ ยกมือขึ้น !
ชาย หญิง ในชุดดำแบบทหารเขมรแดง โผล่พรวดยืนขึ้นมา ชูมือเหนือศีรษะนับร้อย…รายงานกลับไปที่ ผบ.พัน. ที่คอยติดตามสถานการณ์
…“ปลดอาวุธ ต้อนมันออกมาทั้งหมด เร็วๆ ใครขัดขืนยิงทิ้งได้เลย ..เสียงผู้บังคับกองพันสั่งการทางวิทยุ” …
กำลังทหารเคลื่อนที่ไปข้างหน้าช้าๆ ประทับปืนพร้อมลั่นไก เดินเข้าหาค่ายกลุ่มทหารเขมรแดงขนาดใหญ่ …ยังไม่น่าไว้ใจนัก…
คนเป็นร้อยมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง …การกวาดต้อนเป็นไปอย่างทุลักทุเล
กำลังทหารที่เข้าตรวจค้นพื้นที่ พบว่าบริเวณนั้น คือ ถ้ำน้ำ บริเวณรอบๆ คือ คลังอาวุธ เป็นสถานพยาบาล ที่พัก โกดังเก็บของ…
มีกองกระสอบข้าวสารมหึมา น้ำมันพืช อาหารแห้ง ผงชูรสกองใหญ่ (สำหรับโรยแผลสดเพื่อห้ามเลือด) มีผ้าอนามัยของสตรีจำนวนมาก (สำหรับเป็นผ้าพันแผล) มีต้นเสาพร้อมโซ่ล่ามสัตว์ (คาดว่าเอาไว้สำหรับล่ามสัตว์ เอาไว้ขนสัมภาระในป่า)
… นายสิบ พลทหาร ถือปืนลุยเข้าไปในถ้ำน้ำ น้ำลึกแค่หน้าอก ตะโกนโหวกเหวกฉายไฟ ทั้งตื่นเต้น ดีใจที่ทำภารกิจได้สำเร็จ ผู้หมวดตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ นี่คือพื้นที่กบดานของทหารเขมรแดง
ทหารที่เข้าไปรายงานผู้หมวดว่า ถ้ำน้ำสวยงามมาก… น้ำใสสะอาด
ผู้บังคับกองพันสั่งให้เขมรแดงทั้งหมดยัดกันขึ้นไปบนรถบรรทุก 5 คันแล้วนำตัวออกจากพื้นที่ไปปล่อยออกตามช่องทางธรรมชาติ (ช่วยขนย้าย)
อาวุธทั้งหมดกองพะเนิน ถูกแยกบรรทุกในรถอีกคันต่างหาก
สอบถามหัวหน้าเขมรแดง…ทราบว่าทหารและครอบครัวมาแอบอยู่ตรงถ้ำน้ำตรงนี้ ราว 1 ปีเศษ ร่มเย็น เป็นสุข มีน้ำกิน น้ำใช้ ตลอดปี ไม่มีใครรบกวน ใช้ช้างลำเลียงสัมภาระ ทหารไทยเข้ามาไม่ถึงเพราะรกทึบมาก…
ผู้บังคับกองพัน พ.ท.สุพจน์สั่งการ… พื้นที่ถ้ำน้ำตรงนี้ เราต้องเข้ามาควบคุม ปล่อยไว้เดี๋ยวทหารญวนจะแห่กันมายึด…
…ไอ้แป๊ะ…เอ็งย้ายฐาน…นำกำลังมาวางแถวนี้…ถ้ำน้ำสวยนะเว้ย…
4 ธันวาคม 2522 ผมและกำลังพลราว 45 นาย ต้องอำลาจากฐานบ้านเขาเลื่อม มาตั้งฐานใหม่…ได้พื้นที่เป็นเนินเล็กๆ มองเห็นไอ้แท่งนิ้วชี้ (ตามภาพ) ตรงถ้ำน้ำชัดเจน …อาวุธยิงครอบคลุมพื้นที่ถ้ำน้ำได้…
สั่งให้ทหารให้ไปตรวจภูมิประเทศ ค้นหาลำธารเลี้ยงชีพ…
ป่าดงดิบใกล้ถ้ำน้ำ …ถูกทหารราบระดับหมวดใช้พลั่ว เลื่อยมือ ขวาน โค่นต้นไม้ใหญ่ลงเพื่อสร้างฐาน…ชาวบ้านใจบุญไปนำรถแทรกเตอร์มาช่วย
5 ธันวาคม 2522 หมวดปืนเล็กที่ 2 ลงมือหักล้างถางป่าดงดิบ…ทหารทุกนายในหมวดรับทราบว่า วันนี้ คือ วันเฉลิมพระชนมพรรษา
วันนั้น…พวกเรายังนอนในเต็นท์เล็กๆ กลางป่า…ช่วงค่ำ…ผู้หมวดเรียกรวมแถว ให้ทหารจุดเทียนจำนวนหนึ่ง แล้วร่วมกันร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีในฐานกลางป่า …ทหารร้องเพลงเสียงดัง
หมวดทหารม้าลาดตระเวนจาก ม. พัน. 3 รอ. ที่ถูกส่งเข้ามาในพื้นที่ วางกำลังใกล้เคียงกัน วิทยุแจ้งมา ขอร่วมงานวันเฉลิมฯ กับทหารราบด้วย…
ผู้หมวดทหารราบ ตอบทางวิทยุ “อนุมัติ” ครับ…
ชั่วอึดใจ…ทหารม้า…ยิงสลุตด้วยปืนกลประจำรถเกราะ V 150 จำนวน 1 ชุดราว 100 นัด…กระสุนส่องวิถี (Tracer : มีแสงในตัวเอง) พุ่งออกจากปากกระบอกปืนกลของรถเกราะทหารม้า วิ่งเป็นแนวแหวกความมืดพุ่งขึ้นท้องฟ้า สวยงาม เสียงดังสนั่นป่า ทำลายความเงียบ ขจัดความมืดของป่าถ้ำน้ำไปได้อย่างสมเกียรติ
ผ่านไปราว 1 เดือน ผู้หมวดสั่งให้ทหารหาแผ่นไม้ขนาดใหญ่ แกะสลักชื่อฐาน แล้วทหารทั้งหมดมาร่วมกันยกป้าย…“ฐานวันเฉลิม”
อีกราว 2 เดือนต่อมา ต้นปี พ.ศ.2523 พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้บัญชาการทหารบก และคณะ เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์มาลงใกล้ถ้ำน้ำ (ทหารราบไปทำสนาม ฮ.) ท่านเดินทางเข้ามาตรวจใน “ฐานวันเฉลิม” แล้วสอบถามเรื่องถ้ำน้ำ ชมเชยหน่วยที่จัดการกับทหารเขมรแดง …ร้อยตรีหนุ่มปลื้มยิ่งนักที่ ผบ.ทบ. เอามือชกตรงท้องเบาๆ
แล้วท่านก็เดินข้ามฝั่งไปเยี่ยมฐานทหารม้าของ ม. พัน.3 รอ.
งานเข้าไม่หยุด.. กองพันฯ สั่งการให้หมวด 2 ไปวางระเบิดดักรถถัง 12 ลูก ตามเส้นทางลำลองที่ค้นพบ ที่คาดว่าข้าศึกจะใช้รถถังบุก
ทหารราบไปขุดหลุมตามแบบฝึก ฝังระเบิด กระจายกัน 12 จุด…เอาดินกลบ แล้วทำแผนผังอย่างละเอียด…
ราว 1 ปีที่เราเฝ้าพื้นที่ถ้ำน้ำเขาตาง็อก… ทราบภายหลังว่าพลทหารที่ร่วมรบด้วยกัน เมื่อปลดประจำการไปแล้วเสียชีวิตด้วยมาลาเรีย 2 นาย
1 ปี …จบภารกิจ…ส่งมอบ “ฐานวันเฉลิม” และพื้นที่การรบ ให้ หน่วยของกองร้อยอาวุธเบา กรมทหารราบที่ 31 รักษาพระองค์
คิดเล่นๆ ว่า…วันหนึ่ง สงครามจบ…ถ้ำน้ำตรงนี้ต้อง “ดังกระหึ่ม”
จนเกษียณอายุราชการ…ผู้เขียนไม่เคยมีโอกาสไปเยือน ถ้ำน้ำเขาตาง็อกอีกเลย…
ขอเชิญชวนคนไทย…ไปเที่ยวถ้ำน้ำ เขาตาง็อก อ.คลองหาด นะครับ…