ผู้ใหญ่บ้านปกป้องลูกบ้าน เผชิญหน้าผู้ป่วยจิตเวช ถูกจอบตีหัวแบะ สะโพกแหลก-แขนขาหัก ชาวบ้านฮือบุกโรงพักฮือสาบแช่งผู้ต้องหา
(27 ก.พ.63) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.ธีรวัฒน์ คำนินท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ชุมพลบุรี ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า เกิดเหตุ มีคนถูกทำร้ายร่างกายได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณกระท่อมกลางสวนแตงโมปากทางเข้าบ้านโคกเพชร ตำบลยะวึก อ.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ห่างจากถนนราว 300 เมตร
โดยที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมของชาวบ้านอยู่กลางทุ่งนา พบนายวัชรินทร์ อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้านโคกเพชร ลักษณะนอนหงายหน้า สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมทับเสื้อกักสีดำตรากรมการปกครอง นอนจมกองเลือด โดยมีแผลฉกรรจ์ที่ใบหน้าลักษณะถูกของมีคม และขาหัก แขนหัก ปอดแตก กระดูกสะโพกหักแหลก โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยตำบลยะวึกได้รีบปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนนำส่งรักษาตัวที่ รพ.ชุมพลบุรี และได้ส่งตัวรักษาต่อรักษาที่ รพ.สุรินทร์ในเวลาต่อมา
โดยก่อนหน้านี้ วันที่ 25 ก.พ. 64 นายวัชรินทร์ อายุ 47 ปี ผู้ใหญ่บ้านโคกเพชร ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่ามีคนแปลกหน้าลักษณะไม่ปลอดภัยเข้ามาในหมู่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านจึงห่วงความปลอดภัยของลูกบ้านจึงได้แจ้งขอกำลังเสริมจาก สภ.ชุมพลบุรี แต่นายวัชรินทร์ ได้ออกไปดูและเช็คความปลอดภัยก่อน กระทั่งโดนคนร้ายใช้จอบฟาดหัวแบะ ขาหัก 2 ข้าง 3 ท่อน แขนขวาหัก และโดนจอบทุบร่างกายยับเยินทั้งร่าง โดยในวันเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.อ.อนิวรรตน์ สุรินทร์วงศ์ ผกก.สภ.ชุมพลบุรี ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่สืบหาผู้ก่อเหตุภายในวันนั้น
กระทั่งพบผู้ก่อเหตุในพื้นที่และทำการจับกุมตัว ทราบชื่อคือ นายเตวิชชัย อายุ 33 ปี หลังตรวจสอบประวัติ พบว่าเป็นผู้ป่วยจิตเวช มีอารมณ์จิต 2 ขั้ว ต้องทานยาระงับประสาทตลอด จึงได้ควบคุมตัวมาสอบปากคำที่ สภ.ชุมพลบุรี ต่อไป และจากการตรวจหาสารเสพติดไม่พบแต่อย่างใด โดยผู้ต้องหาให้การวกไปวนมา อาจเกิดจากการขาดยา ไม่ได้ทานยาต่อเนื่อง และทราบว่าผู้ต้องหาได้ขับขี่รถจักรยานยนต์มาจนน้ำมันหมด จากนั้นได้ขโมยรถจักรยานยนต์ชาวบ้านในพื้นที่ ขี่มาจนถึงที่เกิดเหตุก่อนก่อเหตุดังกล่าว ขณะที่นายวัชรินทร์ นอนรักษาตัวอยู่ที่ ห้อง ICU รพ.สุรินทร์ โดยยังไม่พ้นขีดอันตราย
ล่าสุดวันนี้ วันที่ 27 ก.พ.64 เวลาประมาณ 08.00 น.เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ชุมพลบุรี ได้นำผู้ก่อเหตุมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ โดยกันไม่ให้ชาวบ้านหรือญาติเข้าใกล้ เกรงจะเกิดการรุมประชาทัณฑ์
ต่อมาในวันเดียวกัน ญาติผู้บาดเจ็บได้รวมตัวขอดูหน้าผู้ก่อเหตุที่โรงพัก สภ.ชุมพลบุรี โดยทางด้าน พ.ต.อ.อนิวรรตน์ สุรินทร์วงศ์ ผกก.สภ.ชุมพลบุรี ได้เข้าพูดคุยกับญาติเพื่อทำความเข้าใจก่อนจะอนุญาตให้ดูหน้าผู้ก่อเหตุ โดยทั้งญาติและลูกสาว ต่างสาปแช่ง ต่อว่าผู้ก่อเหตุด้วยความโกรธแค้น และต่างร้องให้ระงมด้วยความเสียใจ
โดยเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ร.ต.อ.ธีรวัฒน์ คำนินท์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.ชุมพลบุรี ได้แจ้งข้อกล่าวหา พยายามฆ่าเจ้าหน้าที่ของรัฐในขณะปฏิบัติหน้าที่ บุกรุก และชิงทรัพย์ต่างกรรมต่างวาระ
ทางด้าน นางแพง ภรรยาผู้บาดเจ็บ อายุ 42 ปี กล่าวว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. ของวันที่ 25 ก.พ.64 ตนได้รับโทรศัพท์จากพี่สาวของผู้ใหญ่บ้านว่า น้องชายถูกทำร้ายร่างกาย “จะรอดไหม” จึงได้ให้ตนรีบตามไปดูที่ รพ.ชุมพลบุรี โดยขณะนั้นตนรู้สึกเสียใจจนบอกไม่ถูก เข่าอ่อนหมด เพราะว่าภาระก็เยอะ ลูกสาวก็ อายุ 22 ปี ที่ยังเรียนอยู่มหาลัยที่ จ.ศรีสะเกษ ส่วนลูกชายคนเล็กทำงานอยู่ที่ท่าทรายในเขตพื้นที่ อายุ 17 ปี โดยทั้ง 2 เสียใจมากพูดอะไรไม่ออกเลย ซึ่งตนอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับคนนี้ให้ถึงที่สุด ไม่อยากให้ออกมาเป็นภัยต่อสังคมอีก
โดยทางด้านผู้ก่อเหตุเอง ตนไม่ได้รู้จักอะไรด้วยเลย โดยทางผู้บาดเจ็บเองขณะนี้นอนพักรักษาตัวอยู่ที่ห้อง ICU รพ.สุรินทร์ โดยที่อาการยังไม่ดีขึ้นเลย ซึ่งหมอบอกมาว่า หลอดคอที่ถูกของมีคม ทางโรงพยาบาลไม่สามารถเย็บได้ ต้องส่งรักษาต่อที่กรุงเทพฯ โดยผู้ก่อเหตุได้ใช้จอบที่มีอยู่ในกระท่อมจามไปที่หัว 2 แผล แขนหัก ขาหัก และมีรอยช้ำที่ท้องเกิดจากการถูกทุบ
นางสาวกาญจนา ลูกสาวผู้บาดเจ็บ อายุ 21 ปี เล่าว่า ขณะนั้นตนกำลังเรียนอยู่ที่ ม.ราชภัฏศรีสะเกษ ปีที่ 3 โดยที่มีญาติในหมู่บ้านได้โทรไปบอกตนว่าพ่อถูกทำร้าย โดยทราบว่าอาการหนักมาก หลังจากที่ทราบข่าว ตนเสียใจมาก เพราะว่าพ่อก็เป็นเสาหลักของครอบครัว และส่งเสียให้ตนเรียนหนังสือ ซึ่งตอนนี้ตนก็ยังมองไม่ออกว่าวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ในเมื่อเสาหลักล้มป่วยไปแบบนี้ ตนยังคิดไม่ออกเลยว่า ด้านการเรียนในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรต่อไป ยังไงก็จะสู้ต่อจนเรียนจบ จึงอยากจะฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลครอบครัวของตนด้วย
นายราชัน อายุ 50 ปี กล่าวว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 11.00 น. โดยในวันนั้น มีน้องผู้หญิงในหมู่บ้านเดียวกัน มาเลี้ยงวัวอยู่ในบริเวณที่เกิดเหตุ ได้วิ่งไปบอกตนว่า ผู้ก่อเหตุมาพักอาศัยอยู่ในกระท่อมนี้ มีท่าทางพิรุธน่าสงสัย คิดว่าอาจจะเป็นคนไม่ดี โดยได้นั่งมองผู้หญิงที่เลี้ยงวัวในลักษณะน่ากลัว น้องผู้หญิงจึงวิ่งไปบอกพวกตนที่กำลังทำงานก่อสร้างอยู่ในหมู่บ้าน ว่าให้พวกตนออกไปดูหน่อย เป็นคนตัวใหญ่ ลักษณะท่าทางไม่น่าไว้ใจ ตนกับพวกมากัน 4 คน ที่บริเวณเกิดเหตุ โดยขณะนั้นเห็นผู้ก่อเหตุกำลังลังขึ้นจากสระน้ำ ตนจึงได้สอบถามไปว่า “มาทำไม” ผู้ก่อเหตุบอกว่า มารื้อท่อประปาไปทุบทิ้ง ตนจึงบอกไปว่า มันเป็นที่มีเจ้าของ มายุ่งกับเขาทำไม ผู้ก่อเหตุได้เอามีดอีโต้ตบที่อกตัวเองบอกว่า “กูนี่แหล่ะเจ้าของ มึงจะเอาอะไรจากกู”
หลังจากนั้นตนเห็นลักษณะท่าทางไม่ค่อยดี คล้ายคนเมายา ซึ่งดูแล้วไม่ปลอดภัย พวกตนจึงได้เดินทางเข้าไปในหมู่บ้านแจ้งกับทางผู้ใหญ่บ้านและประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาลงพื้นที่ โดยที่ตนได้ย้ำกับทางผู้ใหญ่บ้านที่บาดเจ็บว่า ห้ามไปคนเดียว เพราะว่าเป็นบุคคลอันตราย หลังจากนั้นตนก็เห็นรถผู้บาดเจ็บออกมาได้นานพอสมควร ตนจึงเห็นผู้ต้องหาได้แย่งรถซาเล้งกับเด็กนักเรียน และได้ขับเข้ามาในหมู่บ้าน ตนจึงเอะใจและได้โทรศัพท์หาผู้ใหญ่บ้าน แต่ปลายทางไม่มีการรับสายเลย ตนและพวกจึงสงสัยได้เดินทางออกไปดูในกระท่อมที่เกิดเหตุจึงเห็นผู้ใหญ่บ้านนอนแน่นิ่งจมกองเลือดไปแล้ว โดยขณะนั้นผู้ใหญ่บ้านยังมีสติอยู่
นายราชัน ยังเล่าต่ออีกว่า ตามที่ตนได้รู้จักกับทางผู้ใหญ่บ้าน แกเป็นคนดี เป็นคนง่ายๆ ซึ่งเป็นเพื่อนกับตน และสนิทกันดี ตนไม่เชื่อว่าทางผู้ใหญ่บ้านจะมีปากเสียงกันก่อนเกิดเกตุ เพราะตนเห็นกับตาแล้วว่าบุคคลดังกล่าวเป็นคนไม่ปกติ