เผยแพร่:
ปรับปรุง:
ฉะเชิงเทรา – หน่วยงานเกี่ยวข้องใน จ.ฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่มอบสิ่งของให้กำลังใจ “ลุงเมืองสุรินทร์” ปีนเสาสัญญาณโทรศัพท์ประชดรัฐเหตุไม่มีสมาร์ทโฟนจนไม่ได้รับการเยียวยา พร้อมนำลงทะเบียนธนาคารหลัง 15 ก.พ.นี้
จากเหตุการณ์ “ลุงเมืองสุรินทร์” เครียดจัดปีนเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ใน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา หวังกระโดดฆ่าตัวตายเมื่อช่วงเที่ยงวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เนื่องจากผิดหวังที่ไม่มีโอกาสได้รับสิทธิเยียวยาใดๆ จากรัฐบาลโดยเฉพาะโครงการ “คนละครึ่ง” เพียงเพราะไม่มีโทรศัพท์มือถือแบบสมาร์ทโฟนสำหรับลงทะเบียน
จนเป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาหินซ้อน และหน่วยกู้ภัยต้องเข้าให้การช่วยเหลือจนยอมปีนลงจากเสาส่งสัญญาณโทรศัพท์ที่มีความสูงประมาณ 30-40 เมตรนั้น
ล่าสุด เจ้าหน้าที่สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จ.ฉะเชิงเทรา นำโดย นายวุฒิภากรณ์ จันทร์ทับ หัวหน้ากลุ่มการพัฒนาสังคมและสวัสดิการ พร้อมด้วย น.ส.กรชศา น้อยอัน นักพัฒนาชุมชน องค์การบริหารส่วนตำบลเขาหินซ้อน และเจ้าหน้าที่อีกกว่า 10 คน ได้เดินทางเข้าเยี่ยมนายทองวัน แสงแก้ว อายุ 58 ปี ที่บ้านพักเลขที่ 84/7 ม.11 ต.เขาหินซ้อน อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา
พร้อมมอบถุงยังชีพเพื่อเป็นการช่วยเหลือในเบื้องต้น ประกอบด้วย ข้าวสาร 1 กระสอบขนาด 20 กก. ไข่ไก่ 3 ถาด หรือประมาณ 90 ฟอง และถุงอาหารแห้ง 3 ห่อ
โดยพบว่าบ้านของนายทองวัน เป็นบ้านขนาดกว้างประมาณ 6 เมตร ยาวประมาณ 9 เมตรเชื่อมต่อด้วยห้องครัวอีก 3 เมตรแบบชั้นเดียว ก่อสร้างด้วยอิฐบล็อกแต่ยังสร้างไม่แล้วเสร็จและยังไม่ได้มีการฉาบปูน ทาสี ด้านบนหลังคามุงด้วยกระเบื้องเก่า ส่วนภายในครัวมุงด้วยผืนผ้ายางที่ถูกนำมาใช้ขึงไว้บังแดดฝนแทนหลังคา และใช้แผ่นสังกะสีเก่าๆ สภาพเป็นรูพรุนมาทำเป็นประตูเข้าออกห้องครัว
นายทองวัน บอกว่า ตนเองได้ย้ายภูมิลำเนาจาก จ.สุรินทร์ มาอยู่ที่ จ.ฉะเชิงเทรา นานกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งตนเองและภรรยาเป็นคนงานอยู่ภายในสวนรุกขชาติใน อ.เขาหินซ้อน ปัจจุบันมีบุตร 2 คน คนโตเพิ่งเรียนจบและทำงานแล้ว ส่วนคนเล็กกำลังเรียนอยู่ในระดับชั้น ปวส. ที่วิทยาลัยด้านเกษตรกรรมแห่งหนึ่งในพื้นที่
ส่วนสาเหตุที่ทำให้เกิดความเครียด เพราะตนเองและครอบครัวไม่เคยได้รับสิทธิจากรัฐบาลเพราะไม่มีโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟน จึงมองว่ารัฐบาลให้การช่วยเหลือแต่เฉพาะกลุ่มคนที่มีเงินไปซื้อโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนเท่านั้น พร้อมอยากฝากไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าไม่ควรจัดทำโครงการที่ประชาชนต้องมาแย่งสิทธิกันเอง หากจะช่วยก็ขอให้ช่วยทุกคนที่มีบัตรประจำตัวประชาชน
ทั้งนี้ ตนเองและภรรยาทำงานเป็นลูกจ้างในสวนรุกชาติมีรายได้คนละประมาณ 7 พันกว่าบาทต่อเดือนเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังมอบถุงยังชีพแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ยังได้พา นายทองวัน และภรรยา เดินทางไปยังยังธนาคารกรุงไทย เพื่อร่วมลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิในโครงการเยียวยาของรัฐ แต่ยังไม่สำเร็จเนื่องจากต้องรอความชัดเจนจากรัฐบาลหลังวันที่ 15 ก.พ.นี้ไปก่อน