จากกรณีเมื่อเวลา 09.46 วันที่ 7 ธ.ค. 65 เจ้าหน้าที่สายตรวจ สน.หัวหมาก ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกแทงด้วยอาวุธมีดบาดเจ็บ 2 ราย ภายในซอยกรุงเทพกรีฑา 3 แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร
โดยผู้ก่อเหตุคือ นายปราบดา คล้ายจำแลง อายุ 20 ปี อยู่ในอาการคลุมคลั่ง เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องใช้กำลังพลมากกว่า 10 นาย เข้าไประงับเหตุ โดยในตอนแรกใช้กระสุนยางยิงข่มขู่แต่ไม่โดนตัวผู้ต้องหาจึงใช้แก๊สน้ำตายิงเข้าไปในบ้าน ทำให้ผู้ต้องหาวิ่งออกมาจากบ้าน ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ใช้ไม้ง่ามในการช่วยกันล็อกตัว ก่อนนำตัวขึ้นรถตำรวจมาควบคุมในห้องขัง
โดยผู้ได้รับบาทเจ็บทราบชื่อต่อมาคือ นายอุดม มานสุรินทร์ อายุ 69 ปี มีบาดแผลถูกแถงหน้าอกซ้าย ก่อนจะเสียชีวิตที่โรงพยาบาลส่วน นายสุรเชษฐ์ สุขประยูร อายุ 41 ปี ผู้บาดเจ็บอีกคน ถูกแทงทางด้านหลัง ยังคงอยู่ในห้องไอซียู ซึ่งแพทย์ต้องคอยติดตามอาการบาดเจ็บอย่างใกล้ชิด
ทีมข่าวสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ช่วงเวลาประมาณ 9 โมงครึ่ง นายปราบดา เอาที่นอนมาวางไว้กลางถนนไม่ให้คนเดินผ่าน ด้วยความที่ลูกชายตนเป็นเจ้าของบ้านพัก จึงเดินเข้าไปตักเตือนบอกว่าให้เก็บของเข้าไปอย่ามีปัญหากับคนอื่น จากนั้น นายปราบดาก็เดินออกมา โดยมือทั้งสองข้างถือมีดทำครัวข้างนึงมีดสั้น อีกข้างมีดยาว จากนั้นก็วิ่งปรี่เข้ามาทางลูกชาย ตนก็รีบไปดึงแขนลูกชายออกมา เกือบโดย นายปราบดา ผู้ก่อเหตุแทง ซึ่งตอนนั้นก็รีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ส่วนนายปราบดา ผู้ก่อเหตุ เข้าไปหลบในบ้านผ่านไป 10 นาที ตำรวจก็ยังไม่มา ทีนี้ นายอุดม ผู้เสียชีวิต เดินมาจากบ้านฝั่งคลองเพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังตลาด และด้วยความที่อายุมากจึงไม่ได้ยินเสียงชาวบ้านตะโกนห้ามเดินผ่าน พอเดินผ่านบ้านของนายปราบดา ผู้ก่อเหตุ ก็ถูกผู้ก่อเหตุใช้มีดจ้วงแทงที่บริเวณท้องใต้ราวนมได้รับอาการบาดเจ็บสาหัส ขณะเดียวกัน นายสุรเชษฐ์ พยายามที่จะเข้ามาช่วยถือไม้วิ่งเข้ามาฟาดนายปราบดา ผู้ก่อเหตุ 1 ครั้ง แต่ครั้งที่ 2 พลาดท่า นายปราบดา ผู้ก่อเหตุหลบได้ เสียหลักล้ม นายสุรเชษฐ์ จึงถูกแทงที่หลัง
ตอนนั้นชาวบ้านเริ่มกรูเข้ามาช่วยหามคนเจ็บออกจากพื้นที่ โดยนายปราบดา ผู้ก่อเหตุ แอบเข้าไปหลบภายในบ้าน ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาก็ช่วยกันหามส่งคนเจ็บไปโรงพยาบาล พอเจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงได้มีการตะโกนเรียกชื่อให้ผู้ก่อเหตุออกมาจากบ้าน แต่ นายปราบดา ผู้ก่อเหตุ ไม่ยอมออกมา เจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 10 นาย ได้มีการใช้แก๊สน้ำตาขวัญตาเข้าไปในบ้านของผู้ก่อเหตุ จากนั้นไม่นานผู้ก่อเหตุก็วิ่งออกมาจากบ้าน โดยเจ้าหน้าที่ใช้ไม้ง่ามช่วยกันล็อกตัวก่อนนำตัวขึ้นรถตำรวจ ในระหว่างนั้นชาวบ้านหลายคนโกรธพยายามจะรุมประชาทัณฑ์แต่ไม่สำเร็จ
ส่วนตัวรู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่ผ่านมาคนในชุมชนอยู่กันอย่างสงบสุข โดย นายปราบดา ผู้ก่อเหตุ เคยอาศัยอยู่ในชุมชนนี้สมัยยังเป็นเด็กเล็กอายุราวประมาณ 9 ปี หลังจากนั้นแม่ของเขาเสียชีวิต ก็ทราบว่าได้กลับไปอยู่ตามภูมิลำเนาของพ่อที่จังหวัดอ่างทอง ซึ่งเพิ่งกลับมารักษาตัวจากการบำบัดเรื่องยาเสพติดได้ประมาณ 2 เดือน ซึ่งที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีอาการคุ้มคลั่งเพิ่งจะมามีครั้งนี้
ขณะเดียวกันทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นายพรพิทักษ์ คล้ายจำแลง 56 ปี พ่อผู้ก่อเหตุ บอกกับทีมข่าวว่า ตนรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนทราบข่าวก็ตกใจอย่างมาก ยอมรับลูกชายเคยติดยาเสพติดเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการบำบัด โดยอาศัยอยู่ที่ จ.อ่างทอง ในตอนแรกเพิ่งกลับมาอยู่กับตนได้ประมาณสองเดือน และที่ผ่านมาลูกชายก็ทานยามาโดยตลอด ซึ่งก็ไม่เคยมีปัญหาและไม่เคยมีอาการคุ้มคลั่งแบบนี้
ปกติแล้วลูกชายจะเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ส่วนใหญ่จะเล่นโทรศัพท์และเปิดเพลงผ่านลำโพงบลูทูธเท่านั้น ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับคนอื่น ก่อนออกจากบ้านก็เห็นว่ามีท่าทีปกติไม่ได้มีพิรุธอะไร ตนก็ออกไปขับขี่รถมอเตอร์ไซต์รับจ้างตามปกติ จนกระทั่งมีเพื่อนบ้านโทรมาแจ้งข่าวพอมาถึงเหตุการณ์ก็สงบแล้ว
ยอมรับว่าตอนนี้เครียดมากไม่รู้จะทำยังไง หลังเกิดเหตุยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับญาติผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิต ไม่รู้ว่าจะต้องเข้าไปคุยอย่างไรเพราะไม่ได้รู้จักใครเป็นการส่วนตัว แต่ตนต้องขอแสดงความเสียใจและขอโทษกับทุกคนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน ซึ่งตนยืนยันว่าจะไม่ประกันตัวลูกชายปล่อยให้เขาติดคุกและถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อหวังว่าเขาจะกลับมาเป็นคนดีอีกครั้ง
ทีมข่าวอมรินทร์ทีวีได้ภาพกล้องวงจรปิด หลังเกิดเหตุ คลิปที่ 1 ความยาวคลิป 3 นาที 20 วินาที จับภาพชาวบ้านวิ่งชุลมุนภายในซอยที่เกิดเหตุ โดยจะเห็นรถกระบะตู้ทึบ ขับเข้าไปในซอยเพื่อไปรับคนเจ็บ คลิปที่ 2 ความยาวคลิป 26 วินาที จับภาพตำรวจชุดแรกเริ่มเข้ามาในพื้นที่เพื่อจะจับกุมคนก่อเหตุ
จากนั้นทีมข่าวเดินทางไปยัง มัสยิดยามิอุ้ลมุตตะกีน ในพื้นที่แขวงบึงกุ่ม เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร ซึ่งครอบครัวผู้เสียชีวิตอยู่ในระหว่างการจัดเตรียมพิธีรับศพผู้เสียชีวิต โดยจะมีพิธีละหมาดก่อนฝังศพในพรุ่งนี้เช้า ซึ่งบรรยากาศในมัสยิดเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ ทีมข่าวได้มีโอกาสพูดคุยกับ นางมาลี มาสุรินทร์ อายุ 59 ปี ภรรยาผู้เสียชีวิต บอกกับทีมข่าวว่า นายอุดม มาสุรินทร์ อายุ 69 ปี ผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นสามีของตน เป็นคนที่มีจิตใจร่าเริง และเป็นสีสันให้กับคนในครอบครัวโดยตลอด ชาวบ้านในพื้นที่ต่างก็รู้จักและรักใคร่นายอุดมเป็นอย่างดี
ส่วนเส้นทางที่ถูก นายปราบดา ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธมีดแทงนั้น เป็นเส้นทางประจำที่นายอุดมจะเดินทางไปซื้อกับข้าวที่ตลาดทุกวัน แต่สิ่งที่ผิดปกติคือปกตินายอุดม จะเดินไปซื้อข้าวที่ตลาดในช่วงเย็น แต่ช่วงสายของวันนี้แดดค่อนข้างร่ม จึงบอกกับตนว่าจะไปซื้อกับข้าวที่ตลาดก่อนเพราะวันนี้แดดไม่แรง ผ่านไปประมาณเกือบครึ่งชั่วโมง มีชาวบ้านโทรแจ้งบอกว่า นายอุดม สามีของตนถูกนายปราบดา ซึ่งอยู่ในอาการคุ้มคลั่งใช้อาวุธมีดกระหน่ำแทงจนได้รับอาการบาดเจ็บและไปเสียชีวิตอยู่ที่โรงพยาบาล ตอนนั้นรู้สึกตกใจช็อกมาก มันทำอะไรไม่ถูกเคยเห็นแต่ในข่าวแต่ไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้นกับคนในครอบครัวของตัวเอง
จากการสอบถามชาวบ้านในพื้นที่ ระบุว่าช่วงเวลาก่อนเกิดเหตุ ชาวบ้านได้มีการตะโกนห้ามไม่ให้นายอุดมเดินผ่านที่เกิดเหตุ แต่ด้วยความที่นายอุดมอายุมากแล้วจึงไม่ได้ยิน และก็ไม่ได้รู้เรื่องว่าก่อนหน้านี้มีนายปราบดา ออกมาคุ้มคลั่งอยู่ที่ถนนในซอย ซึ่งในส่วนของนายสุรเชษฐ ชาวบ้านในพื้นที่ก็มีการเข้าช่วยเหลือจนได้รับอาการบาดเจ็บเช่นกัน
ส่วนตัวมองว่านี่เป็นอาการคุ้มคลั่งจากคนที่ติดยาเสพติด อยากให้เห็นว่าเป็นภัยต่อสังคมมากแค่ไหน และสุดท้ายก็เกิดการสูญเสียแบบที่ประเมินค่าไม่ได้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยืนยันได้ว่าสามีของตนไม่เคยมีปัญหาอะไรกับนายปราบดา และก็ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ
ส่วนประเด็นในเรื่องของการรับผิดชอบนั้น หลังเกิดเหตุยังไม่มีใครติดต่อเข้ามาพูดคุยอะไรด้วยเลย และมองว่าทางครอบครัวของผู้ก่อเหตุคงไม่มีปัญญารับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในส่วนของพ่อแม่ผู้ก่อเหตุก็เข้าใจได้ว่าเขาได้รู้เรื่องอะไร ก็เชื่อว่ากระบวนการยุติธรรมจะเอาผิดเขาได้ตามข้อกฎหมาย