2 ก.พ.64 – จากการที่ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินยืนตามศาลชั้นต้น กรณี “เดอะพีค เรสซิเดนซ์” สร้างคอนโดพักอาศัยบนเนินเขา ต.กะรน จ.ภูเก็ต โดยศาลปกครองชั้นต้น ตัดสินว่า ที่ดินแปลงที่ก่อสร้างเดอะพีค เรสซิเดนท์ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ น.ส.3 ก. คดีนี้สืบเนื่องมาจากนายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พลังประชารัฐ ประธานคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ได้รับเรื่องร้องเรียนการสร้างคอนโดบนเนินเขาลาดชัน นายสิระจึงลงพื้นที่ ต.กะรน อ.เมืองภูเก็ต และตรวจสอบพื้นที่การก่อสร้างโครงการเดอะพีค เรสซิเดนซ์ โดยบริษัทกะตะบีช จำกัด ที่ได้ยื่นคำขอใบอนุญาตก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยจำนวนหลายอาคาร ที่เชื่อว่าการได้รับเอกสารสิทธิ์น่าจะไม่ชอบ จนทำให้เทศบาลกะรน สั่งชะลอการก่อสร้างระหว่างตรวจสอบและรอศาลปกครองสูงสุดตัดสิน
ก่อนหน้านี้ศาลปกครองชั้นต้น (นครศรีธรรมราช) ตัดสินแล้วว่า เอกสารสิทธิ์ได้มาโดยมิชอบ ให้เพิกถอนเอกสารสิทธิ์ มีการยื่นอุทธรณ์ ใบอนุญาตก่อสร้างก็ไม่น่าจะถูกต้อง เพราะขออนุญาตเป็นสร้างคอนโดที่พักอาศัย ซึ่งกฎหมายให้ใช้โฉนด ไม่ใช่ น.ส.3 ก. แต่เอกสารสิทธิ์ที่มีเป็น น.ส.3
นายมนัสนันท์ นรารัตน์วันชัย เจ้าของโครงการเดอะพีคเรสซิเดนซ์ แถลงข่าวชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า ที่ดินแปลงนี้มีคำพิพากษาสูงสุดพิพากษาเสร็จสิ้นแล้วว่าต้องเพิกถอน เรายอมรับคำพิพากษา การที่เปิดแถลงข่าวเพื่อชี้แจงถึงลูกค้าของโครงการ ได้รับทราบถึงคำพิพากษาฯ และ การดำเนินการต่อไปของบริษัทฯ และ ทางเทศบาลตำบลกะรนได้มีคำสั่งให้เราทำการเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างให้ทุบรื้ออาคารภายใน 30 วัน
“ในเรื่องนี้ทางเทศบาลตำบลกะรนทำตามกฎหมาย ซึ่งการรื้อถอนเราได้ยื่นอุทธรณ์ต่อทางจังหวัดและต่อเทศบาลแล้ว ผลของคำอุทธรณ์ยังไม่ปรากฎแต่ต้องทำตามที่ทางการกำหนดเท่านั้น เราเป็นผู้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว เรารับผิดชอบต่อลูกค้าโดยย้ายลูกค้าทั้งหมดในโครงการฯนี้ ไปอยู่โครงการของบริษัทฯที่ใหญ่กว่านี้และที่ดินแปลงดังกล่าวมีโฉนดอยู่ที่หาดสุรินทร์ จังหวัดภูเก็ต จำนวนห้องที่ขายไปของเดอะพีคฯ จำนวน 435 ห้อง ทำสัญญาผูกพันเอกสารสัญญา 399 ห้อง ได้มีการยืนยันย้ายไปแล้ว 180 ห้อง ยังอยู่ระหว่างติดต่อเอกสาร 170 ห้อง และเหลือ 49 ห้องยังไม่ได้ย้าย ขอให้ลูกค้าที่ยังไม่ได้ย้ายให้รีบมาติดต่อทางทีมเจ้าหน้าที่ดูแลลูกค้าเพื่อเลือกห้องดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆในโครงการใหม่ที่หาดสุรินทร์
เหตุการณ์ของบริษัทฯที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์จังหวัดภูเก็ต กระทบต่อภาพอสังหาริมทรัพย์ ที่มีโครงการต่างๆที่ขายในภูเก็ตประมาณ 30 โครงการในแต่ละปีนำเงินเข้ามาเกือบ 2 หมื่นล้านบาทแทบทุกปี ซึ่งโครงการเดอะพีคฯมีมูลค่า 2,100 ล้านบาท
ขอฝากถึงผู้ใหญ่ผู้เกี่ยวข้องในครั้งนี้ว่ายอมรับคำพิพากษาและยอมรับคำสั่งเจ้าหน้าที่รัฐแล้วยินดีปฏิบัติตามคำสั่ง การที่มีข้อพิพาทเกี่ยวข้อง อยากให้ทบทวนว่าความเสียหายที่เกิดขึ้นกับภาพลักษณ์จังหวัดอยากให้ผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นี้ยอมถอยคนละก้าว วันนี้คำพิพากษาปรากฎก็ถอยแล้ว เรายอมรับความเสียหายและไม่ละทิ้งลูกค้าทุกคน ขอให้นำเหตุการณ์นี้ไปทบทวนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนและคนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนต่อไป” นายมนัสนันท์ กล่าวที่สุด